泰国短篇小说《ฝากเอาไปคืนเขาที 请拿去还给他》中字完结

发表于 讨论求助 2023-05-10 14:56:27

…ฝากเอาไปคืนเขาที…

请拿去还给他



ผมเป็นเฟรชชี่ น้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ระหว่างภาคเหนือตอนล่างกับภาคกลางตอนบน ซึ่งถามคนที่นั่น เขาก็บอกไม่ได้ครับว่าสรุปมันจะภาคเหนือหรือมันจะภาคกลางดี...แต่เอาเถิด เพราะยังไงหากมีคนมาถามว่าผมเรียนอยู่ที่ไหน ผมคงไม่ตอบเขาไปแบบนี้แน่ๆ บอกชื่อจังหวัดไปไม่ง่ายกว่าหรือ? จริงไหมครับ

我是一所大学的大一新生,我叫Petch,这所大学位于泰国中部偏北,北部偏南的地域,本地人也说不清楚这里到底是算北部还是算中部,如果要是有人问我在哪里读书,我肯定不会在这个问题上纠结,直接说府的名字不就完了吗?多简单。

 

 

ที่เกริ่นมานี่ไม่มีอะไรหรอก แค่จะบอกว่าวันนี้เป็นวันแรกของการทำกิจกรรมสำหรับน้องใหม่ครับ เราเรียกมันว่าบีกินนิ่งแคมป์

这里也没什么好介绍的。今天是迎新生活动的第一天,我们把它叫做“Beginning Camp”。

 

 แม้ว่าพวกผมจะเพิ่งหัวถึงหมอนได้ไม่เท่าไร...เพราะรูมเมทของผมมัวแต่ทำกิจกรรมกระชับมิตรกันเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่ย้ายเข้าหอ...พอนาฬิกาบอกเวลาตีสามกว่าๆ เสียงกลองพร้อมกับเสียงร้องเพลงของพวกรุ่นพี่ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ ผมและรูมเมทอีกสามคนที่กำลังเคลิ้มๆ ก็สะดุ้งตื่นแทบจะพร้อมกันทันที และยิ่งสะดุ้งหนักขึ้นไปอีกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังสนั่นหวั่นไหวรัวมาไม่มีหยุดพัก

我们才刚躺下睡了一会儿,今天是搬进宿舍的第一天,我和我的舍友们做了很多事情。凌晨三点多钟,学长们的歌声伴随着鼓声突然打破了宁静,我和三个室友正在熟睡,立刻就被惊醒了,听见震天动地不间断的敲门声就更加害怕了。

 

“ใครไม่ตื่น เดี๋ยวเจ๊จะไขเข้าไปฮ้าาาา” ผมได้ยินเสียงห้องฝั่งตรงข้ามตะโกนออกมาว่า “อย่าพี่...ผมตื่นกันทั้งหอแล้วเนี่ย”

“谁还没起来的?等下姐姐我可要闯进去了啊,嘿嘿嘿。”我听见对面的寝室里传出一声大喊,“不要…我们都起来了。”

 

“แหม...ตั้งใจว่าจะไขเข้าไปอยู่แล้วเชียว เร็วๆ นะตัวเอง จะบอกว่าเจ๊มีกุญแจสำรองทุกห้องนะคะ!”

“哎呀,再不出来姐姐就闯要进去啦,麻利儿的,姐姐我可是有你们每个房间的备用钥匙的哦。”

 

"โอ๊ยยย กลัวแล้วครับเจ๊! ได้โปรดอย่าใช้มันเลยครับ!" ผมขยี้ตาแล้วแอบขำเบาๆ กับบทสนทนานั้น

“啊!姐姐不要啊,怕了!”我揉了揉眼睛,听到这话一下子就笑了。

 

“แม่ง...กูยังไม่ทันได้หลับเลย จะอะไรกันนักหนา” บอลรูม เมทเตียงฝั่งตรงข้ามกับผมบ่น หลังจากจบกิจกรรมรูมเมทสัมพันธ์ หมอนี่มันก็มัวแต่นั่งแชทกับสาวต่อครับ เขาปิดไฟนอนกันแล้วแท้ๆ มันยังสามารถ

“他妈的…老子还没睡着呢!这是抽什么疯啊!”我对面床上的舍友Bone抱怨道,舍友关系活动结束后,这个家伙就困了,但依然在和女生聊天,大家都关灯睡觉了,他还在聊天。

 

“สมน้ำหน้า” เอก รูมเมทเตียงฝั่งซ้ายผมว่า บอลมันไม่เถียงแต่กลับเอาหัวซุกหมอน ทำท่าจะนอนหลับต่อ

“活该!”我左侧床上的室友Erk说道,Bone没有理会他,埋头继续睡觉。

 

“แล้วนั่นมึงจะทำอะไร” หลังจากที่เอกมันทำสีหน้าเยาะเย้ยใส่บอลแล้ว มันก็หันมาถามผมที่กำลังเดินเอาผ้าขนหนูพาดบ่าเข้าห้องน้ำ ที่จริงผมกะล้างหน้าให้ตาสว่างเฉยๆ ไม่ได้กะอาบน้ำหรอกครับ บอกตามตรงว่าเพิ่งอาบไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่เอง...

“你又要干什么?”Erk嘲弄完Bone,然后转过头来问正在把毛巾搭在肩上向浴室走去的我,事实上我只是想洗把脸,让眼睛舒服点,并不想洗澡,因为我两个小时前才刚洗过澡…

 

ผมบอกหน้าตาย “อาบน้ำ” เท่านั้นแหละเสียงโห่ร้องก็ดังกระหึ่มขึ้นมา “ไอ้ลูกคุณหนูเอ๊ย...มึงแค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอแล้วมั้ง!” โห่ววว กูก็แกล้งให้พวกมึงด่าไปงั้นเองแหละ!

我只说了句,“洗澡”,叫喊声就响起来了。

“你这个小子,洗把脸刷刷牙就行了!”

哼!我就说要故意气你们!

 

ตอนนี้เฟรชชี่ปีหนึ่งทุกคนต่างทยอยเดินออกมาจากหอพักเพื่อมารวมกันอยู่หน้าโรงอาหารหอใน บ้างทำหน้าเบื่อหน่าย ง่วงนอน จะมีส่วนน้อยที่ดูสนุกสนาน ย้ำครับว่าน้อย...และอย่างที่คุณรู้ หนึ่งในส่วนน้อยนั้นก็ไม่มีผม...

现在每个大一新生都陆陆续续走出宿舍,集合到食堂前面,有些看起来无精打采的十分困倦,只有一小部分看起来精气神还不错,不用说都知道,我并不属于状态很好的那一部分人。

 

รุ่นพี่ยังคงร้องเพลงตีกลองกันอย่างเมามันและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมนึกทึ่งกับเพลงกางเกงใน แล้วก็ยกทรงเอบีซีอะไรของพวกเขา ยังไม่พอแน่ะ มีแป้ง จอห์นสัน โคโดโมะอะไรอีก พวกเมทสามคนนั้นมันก็แยกย้ายกันไปหาพวกเพื่อนในเอกของมัน แล้วทิ้งผมไว้คนเดียวให้เสียวเล่นๆ...อย่าถามว่าเสียวอะไร ผมก็แต่งให้มันคล้องจองไปเท่านั้นล่ะครับ

学长学姐还在疯狂而不知疲倦的唱歌击鼓,我惊讶于音乐之余,被她们的各式内衣给吸引住了,ABC各种型号的内衣,这还不够,还有打扮的各具风格,有涂面粉的,有打扮成杰克逊的,科多的......

我的三个舍友都各自去找他们的朋友了,然后就剩下我一个人瞎玩。

不要问我在玩什么,我只是比较好奇而已。

 

‘พวกมึงทิ้งกูวววว’ ผมโวยวาย พวกมันก็โบกหัวผมด้วยความสนิทสนมไปคนละที

“你们居然丢下我!”我喊道,他们每个人都亲密地摸摸我的头。

 

‘ไปหาเพื่อนมึงโน่นไป’ ไอ้วินมันไล่ (เมทคนสุดท้ายครับ)

“去找你的朋友吧。”Win说道(我最后一个出去的舍友)。

 

‘ก็กูไม่มีนี่’

“我没有。”

 

‘มึงก็หาซะสิน้องเพชร พวกกูไปล่ะ ถ้าโชคดีอาจได้อยู่บ้านสีเดียวกันนะเว้ย’ หลังจากมันพูดจาโหดร้ายใส่แล้วมันก็ยังอุตส่าห์ปลอบใจ

“没有就出去找啊,Petch,我们走啦,如果运气好的话说不定我们还会碰见呢。”虽然说的话有些残酷,但他还是尽力安慰我。

 

‘อย่างอแงครับมึง ไปหาเพื่อนคุยไป’ แล้วพวกมันก็พากันลูบหัวผมคนละทีแล้วเดินจากไป...พวกมันแม่ง! คงเห็นผมเป็นลูกหมาสินะ! 

“你不要闹了,快去找个朋友聊天吧。”走之前还摸了摸我的头…真是的,居然把我当小狗!

 

นั่นแหละเหตุผลที่ผมต้องมานั่งง่วงเหงาหาวนอนแต่เพียงลำพังอย่างนี้

就这样,这就是我独自一人坐在这里昏昏欲睡的原因。

 

ผมเป็นคนคุยไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นการผูกมิตรกับใครจึงค่อนข้างยากเป็นพิเศษ...แต่กับพวกเมทของผมนั้น ทั้งสามคนสามารถฝอยน้ำลายแตกฟองได้ทั้งวัน ขนาดจับเรื่องนั้นมายำใส่เรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเดียวกันก็ได้อีกด้วย! ผมนี่นั่งฟังจนปวดหูอ่ะครับ 

我不是一个擅长交谈的人。因此,交朋友这种事情对于我来说是相当困难的,但是和我的舍友就不一样,他们三个人能逼逼叨叨一整天。

 

ขณะที่มัวแต่นึกไปถึงเรื่องสัพเพเหระ และเนื้อหาของเพลงสันทนาการซึ่งทะลุผ่านหูซ้ายเข้ามา ก็ทำให้ผมต้องจังงังกับเนื้อเพลงที่ไม่ค่อยจะมีความเกี่ยวข้องกันเท่าใด...จนลืมไปว่าตอนนี้กำลังต่อแถวเอาป้ายชื่ออยู่

而且这两件事不能混为一谈。听他们逼逼听得耳朵都疼了。虽然脑子有点迷糊,但还想到一些鸡毛碎皮的事情,这首歌的歌词穿透我的左耳,那并不相关的歌词内容直接让我呆若木鸡,以至于忘记现在正在排着队,取写着自己名字的身份牌。

 

“นายๆ ตานายแล้ว” ผู้หญิงที่ต่อหลังผมสะกิดเตือน

“嘿,轮到你了。”我身后的女生出声提醒道。

 

“อ้อ...โทษทีนะ” ผมหันไปบอกเธอ เอ้อ...ผู้หญิงเดี๋ยวนี้สูงจังนะ เรื่องนี้แอบทำผมเครียดเบาๆ

“噢,对不起。”我转身对她道歉,喔,这个女生好高呀!这让我有点小紧张。

 

“ชื่อไรเราน่ะ” รุ่นพี่ที่นั่งเขียนป้ายรายชื่ออยู่เงยหน้าขึ้นมาถามผม แววตาฉายประกายวาววับประหลาด

“你叫什么名字啊”坐着给身份牌写名字的学长抬起头来问我,眼睛闪着奇异的光芒。

 

“เพชรครับ” พี่แกยิ้ม

“petch”他笑了起来。

 

“หน้าตาอย่างนี้เอาสีชมพูไปดีกว่า บ้านเดียวกันเดี๋ยวพี่ดูแลเอง อิอิ”

“长得这么嫩还是叫pink吧,都是一个系的,我会好好关照你的,嘿嘿。”

 

“เอ่อ...”

“呃…”

 

“เป็นอันว่าตกลง...น้องเพชร...สีชมพู อิอิ” พูดจบก็ก้มลงไปเขียน แต่ยังไม่วายหัวเราะเสียงประหลาดๆ ให้ผมได้ยิน...เอ่อ ผมชักเริ่มกลัวเขาเสียแล้วสิ

รุ่นพี่คนที่ว่าส่งยิ้มประหลาดให้พร้อมทั้งยื่นป้ายด้านที่ว่างเปล่าให้

“就这么决定了,粉嫩的Petch学弟,呵呵呵。”说完就低头开始写,但并没有停止奇怪的笑声,让我听着就觉得…呃,他好像很可怕的样子,他一边笑着一边递过一块空白的身份牌。

 

พอผมพลิกดูป้ายชื่อเท่านั้นแหละ เอิ่ม...N’ เพชราภา 

当我翻开身份牌,看名字的时候,上面写着:姓名,Petcharapa。

 

คืออะไรครับ? ชื่อป้าๆ แบบนี้คือใคร...มันไม่ใช่ป้ายชื่อผมใช่ไหม?

什么鬼?谁会叫这种大妈一样的名字…这肯定不是我的身份牌。

 

ครั้นจะกลับไปให้เขาแก้ให้ก็สายไปเสียแล้ว…เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่รุมล้อมเขาจนผมแทรกตัวเข้าไปหาไม่ได้ ก็เลยต้องจำใจแบกรับชื่อนี้ต่อไป...N’ เพชราภา

当我打算回去找他的时候却晚了,当看到一群人围着他,我根本挤不进去,恩,我以后都会记得这个土土的名字了…姓名,Petcharapa。

 

 “นี่”

“嘿!”

 

“นี่...ตื่นเถอะ”

“嘿…醒一醒。”

 

“อืม...ขอนอนอีกแป๊บนึง” ผมบอก เพราะรู้สึกว่ายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย คล้ายว่าเสียงกลองเพิ่งจะเงียบไปด้วยซ้ำ

“恩,让我再睡一会儿。”我说,因为觉得还没有睡饱,鼓声才刚消停一会呢。

 

“เขาให้เรากินข้าวเช้าแล้วนะ เสร็จแล้วจะพาเข้าโดม” เสียงนั้นบอก...เสียงใคร? ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นโคโลญจน์เย็นๆ ที่ลอยมาแตะจมูก

“他来让我们吃了早饭后要去圆顶屋那里集合”这个说话的声音,是谁的?我缓缓地睁开眼睛,嗅到了清爽的古龙香水味。

 

หือ...? แผ่นหลังของใคร?

恩?这是谁的后背?

 

ผมค่อยๆ นั่งตัวตรงหลังจากสำนึกได้ว่า ความง่วงนอนช่างทำงานประสานกับแรงโน้มถ่วงได้อย่างดีเยี่ยมและมันกระตุ้นให้ผมต้องแนบใบหน้าอิงซบกับแผ่นหลังของใครบางคนเข้า

意识清醒后,我缓缓的坐起身来,瞌睡和重力配合良好,让我的脸成功贴上了他的后背。

 

“อะ....เอ่อ ขอโทษทีนะครับ” โอ๊ย...น่าอายเป็นบ้า! 

“啊,呃,对不起。”天呐,简直羞死人啦!

 

อีกฝ่ายหันหน้ามาพร้อมกับฉีกยิ้มส่งให้ผม..."ไม่เป็นไรครับ”

对方转过头来冲我微微一笑,说道:“没关系。”

 

ลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้ายกับแว่นสายตาไร้กรอบนั้น ทำให้ผมแทบจะเป็นลม รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จนอยากบอกเขาเหลือเกินว่า...อย่ามองด้วยสายตาล้อเลียนแปลกๆ แบบนี้สิ...ผมใจไม่ดี

他脸上的微笑和戴着眼镜的斯文气息,差点没让我晕倒,好好的就感觉自己的脸突然的红了起来,很想告诉他让他不要用这种奇怪的眼神看着我,人家的小鹿会乱撞的。

 

คุณเชื่อเถอะ ว่าไม่มีใครอยากจะนอนหลับพิงแผ่นหลังผู้ชายด้วยกันหรอกครับเพราะมัน...

你相信吗?没有人想要靠在一个男生后背上睡觉,因为它…

 

น่าอายเป็นบ้าเลย...

简直羞死人了!

 

หลังจากรุ่นพี่แจกข้าวกล่องให้ ผมก็ลงมือทานทันทีด้วยความหิวโหย...ผมไม่เข้าใจว่าจะรีบปลุกพวกผมขึ้นมาทำไมกัน ทั้งๆ ที่เวลาทำกิจกรรมหลักก็ตอนฟ้าสว่างแล้วแท้ๆ

学长说完后,我就立刻吃了起来,因为太饿了,我不明白为什么要这么早把我叫起来,因为活动要天亮后才开始呢。     

 

หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกพี่ๆ ก็พาปีหนึ่งเดินจากหน้าหอในไปยังอาคารอเนกประสงค์หรือที่พวกเขาเรียกกันว่าโดม ซึ่งก็ไกลพอสมควรและยังร้อนมากอย่างไม่น่าให้อภัยอีกต่างหาก ผมคิดว่าระยะทางไม่ใช่ปัญหา ความร้อนของอากาศก็ไม่ใช่เช่นกัน...ที่มันเป็นปัญหาน่ะ...คือคนข้างหลังผมต่างหากครับ

吃完饭之后,学长们就带着大一新生去一座多功能建筑那里,或者叫做圆顶屋,距离有点远,而且天气还很炎热。

我认为距离不是问题,天气炎热也不是问题,问题是我身后的这个人。

 

“ไม่ต้องพัดให้ผมก็ได้ ผมทนได้ครับ นายพัดของนายไปเถอะ” ผมหันไปบอกคนที่เดินอยู่ด้านหลังผม ซึ่งกำลังถือพัดยี่ห้อบริษัทประกันชีวิตบริษัทหนึ่ง พัดให้ผมอยู่ขณะนี้...ครับ ผมกับเขาอยู่บ้านสีเดียวกัน...สีชมพู คนเดียวกันกับที่ผมนอนหลับพิงหลังเขานั่นแหละ...คนนั้นเลยครับ

“不用给我扇扇子,我坚持得住,你给你自己扇吧,”我转身告诉走在我后面的人,他正举着一家人寿保险公司的扇子,给我扇风,我和他在同一颜色的房子里,粉色的,和我睡过的那个后背的主人,是同一个人。

 

เขาส่งยิ้มสว่างไสว หยุดมือที่พัดให้ผมก่อนจะดันไหล่ผมให้เดินหน้าต่อไป เมื่อเห็นว่าผมหยุดเดิน แล้วทำให้เพื่อนๆ ที่เดินตามหลังมาต้องหยุดชะงักไปด้วย “ผมเห็นคุณร้อน เหงื่อออกเยอะขนาดนี้” ที่นี่อากาศร้อนจริงๆ ครับขนาดว่ายังอยู่ในช่วงเช้าแท้ๆ แดดแรงเหมือนว่านี่ตอนเที่ยงหรือบ่ายโมงตรง

他露出明朗的笑容,先停下给我扇风的手,推着我的肩膀向前走去,当看我停下来的时候,然后就让跟着的朋友也停下来休息,“我看你很热,现在出了好多汗。”这里的天气真的很炎热,而且现在还是上午,阳光就像正午和午后的一样强烈。

 

“เอ่อ...ผมไม่เป็นไรจริงๆ แค่ร้อนนิดหน่อยเองครับ” ทางเดียวที่จะทำให้รอดพ้นจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนเช่นนี้ก็คือต้องโป้ปดไปครับ บอกตรงๆ แม้ว่าผมจะร้อนมาก แต่ผมอายคนเขามากกว่า...มีแต่คนมองแล้วหันหน้าไปซุบซิบกัน...เป็นคุณคุณจะทำยังไงล่ะ?

“呃,我真的没事,只是有点热而已。”要逃离这种尴尬的境地只有一种办法,那就是说谎,但事实是,我真的很热,但我真的比他还要害羞,有不少人看见之后转身去窃窃私语,这要怎么办呀?

 

“ไม่เป็นไร...ผมอยากทำให้น่ะ” เอ่อ...นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ชายเขาทำกันใช่ไหมครับ?

“没关系,我就是想给你扇风。”呃,这种做法对于一个男生来讲难道不奇怪吗?

 

ไม่รู้ทำไมดันรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าผมมันร้อนขึ้นแปลกๆ หากก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เดินเว้นระยะห่างจากเขาออกมาเท่านั้น พร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคอของเขาลอยตามลมมาเบาๆ...

不知为什么感觉我脸上的温度开始奇异的升高,如果没办法阻止,就与他保持距离好了,耳边不时的传来他低沉性感的笑声。

 

แปลก...ที่ดันรู้สึกว่าภายในใจมันสั่นไหวอย่างไรชอบกล

奇怪,为什么我的心有点被触动到了呢?

 

พิธีบายศรีสู่ขวัญทำให้ผมเคลิ้ม...หลังจากเข้าโดมมาได้ไม่ทันไร เมื่ออธิการฯ และรองอธิการฯ กล่าวอะไรสักอย่างผมก็เริ่มรู้สึกว่าโลกนี้ชักไม่มั่นคง หัวผมเหมือนถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงให้หมุนไปมา จึงได้แต่พยายามต้านทานแรงดึงรั้งอันหนักหน่วงนั้นอย่างเต็มกำลัง หากความพยายามของผมคงจะมีไม่มากพอ ถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างมันวูบลงไป ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความมั่นคง เมื่อศีรษะไปแปะเข้ากับอะไรบางอย่าง เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่าคงต้องเป็นไงเป็นกัน ครั้งนี้ผมคงต้องขอยอมแพ้...แต่ครั้ง หน้าผมไม่มีทางจะพ่ายแพ้เด็ดขาด!

进入圆屋顶没多久后,祈福仪式刚开始我就有点昏昏欲睡,当校长和副校长讲话的时候,我就开始感觉这个世界开始旋转,我的头就像被地球的重力往下拉扯一样,只能努力与这股力量对抗,尽力支撑着自己。如果我的努力不够的话,感觉周围的一切一闪而过,头在触地之前就倚靠住了一个肩膀,这次我真的熬不住了,太困了,整颗头昏昏沉沉的。

 

“หึหึ” คล้ายจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอคุ้นๆ มาจากไหนสักแห่ง แต่ผมก็เลิกสนใจมันไป แล้วทำตามความตั้งใจดั้งเดิม...นอนหลับครับ

 “嘿嘿”好像听到喉咙里发出的熟悉的笑声,不知来自哪里,但是我没在意,然后继续专心做之前的事情…睡觉。

 

แรงสะกิดที่แขนทำให้ผมรู้สึกตัว ในหัวยังมึนๆ เพราะนอนไม่เต็มอิ่ม

胳膊上传来的力量让我觉得昏沉沉的,因为睡眠不足的原因吧。

 

“ขี้เซาจังนะครับ” ผมเงยหน้าจากไหล่ที่ซบ มองหน้าคนใจดีที่ให้ผมยืมไหล่ แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ...เอาอีกแล้ว...ผมทำเรื่องน่าอายอีกแล้ว

“好困”我从肩上抬起头,看向借给我肩膀依靠的人,紧接着又把头转回去了,真是的,我又做了一回蠢事。

 

“เขาจะเริ่มทำพิธีบายศรีสู่ขวัญแล้วนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ผมปลุกคุณในระหว่างที่กำลังหลับสบาย” เขาบอกเสียงนุ่ม แต่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันที ว่าเขากำลังขำผมอยู่…ไม่ดีเลยแบบนี้...เพราะหัวใจผมคงต้องทำงานหนักอีกแล้ว

“马上就要开始新生欢迎仪式了,抱歉在你睡觉的时候叫醒你。”他低声说道,不用看也知道,他正在笑我,这样不好,因为我的心又要开始胡思乱想了。

 

ตลอดวันนั้นทั้งวันผมไม่ได้คุยอะไรกับใคร...นอกจากเขา เพราะผมได้ที่นั่งติดทางเดิน ส่วนเขา....ก็นั่งถัดจากผม น่าแปลกที่ผมและเขาต่างก็ไม่ได้ถามชื่อกัน ผมไม่เคยคิดจะถาม เขาเองก็อาจจะด้วย

那天一整天我都没和别人说话,除了他,因为我坐在过道边上,他坐在我旁边,值得奇怪的是我和他没有问过对方姓名,我从未想过要问他,他可能也不想问我。

 

มันจะแปลกหรือเปล่านะ...ถ้าเราคุยกันโดยไม่รู้จักชื่อของกันและกัน...ผมละความพยายามที่จะถามชื่อเขาหลังจากที่ความรู้สึกแปลกๆ ตีรวนขึ้นมาจากภายในใจ

很奇怪是吧,如果我们都不知道彼此的姓名来聊天的话,奇怪的感觉结束后,我努力地想找机会问他的名字,心头小鹿乱撞。

 

แค่คิดจะถามชื่อเขา...ผมก็ไม่กล้าแล้ว ไม่แน่ใจว่ามันจะผิดจุดประสงค์จากค่ายรับน้องของมอไปมากน้อยเพียงใด...แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้รู้นะว่ามีเพื่อนร่วมมอแบบนี้อยู่...

只是问他的名字而已,别害怕。我对这样的事情没有经验,不知怎样把握分寸,但至少我还知道有这样一个朋友。

 

แค่นี้ก็ดีแล้ว...

就这样也挺好的…

 

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คนใจดีที่นั่งข้างๆ กัน

很高兴认识你,坐在我旁边的好心人。

 

หลังจากผ่านค่ายสองวันนั้นไป ทุกอย่างก็เป็นปกติ ผมใช้ชีวิตของผมไป ส่วนเขาก็คงไม่ได้ต่างกัน...และที่น่าประหลาดใจ แม้จะเรียนอยู่มอเดียวกัน แต่ผมก็ไม่เคยได้เจอเขาอีกเลย

两天之后,一切都恢复正常,我有我的生活,和他也再没有交集,很奇怪吧,尽管在一起学习,但是我却不曾再见到他。

 

จนเวลาล่วงเลยมาสองเดือนแล้วหลังจากวันนั้น

จะว่าเป็นเรื่องราวอันน่าอับอายของผมก็ได้

แต่แปลกที่ผมกลับนับว่ามันเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีเช่นกัน

วันนั้นแม้ผมจะหลับๆ ตื่นๆ

เพราะมีคนคอยสะกิดเตือนทุกพิธีการสำคัญๆ ตลอด

距离那天到现在已经有两个月了,这也算是我人生经历中的糗事,但并不是我记忆中最糟糕最蠢的事情,虽然那天我昏昏欲睡但一直有人提醒所有重要的仪式。

 

หากก็รู้สึกได้ถึงความขลังของพิธีจนทำให้ผมต้องขนลุกซู่และรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ สถานที่ที่จะเป็นเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งที่ทำให้ผมได้รู้จัก ได้รัก และได้เรียนรู้ ที่แห่งนี้ที่ผมจะได้ใช้ชีวิตตลอดระยะเวลาสี่ปีของผม... 

这个仪式让我深受震撼,并为自己成为这里的一部分而感到高兴,这里会是另一个家,让我可以认识,可以爱,可以学习,这是我将要生活四年的地方.

 

วันนี้หลังจากซ้อมบูมของเอกเสร็จ ผมก็ตรงดิ่งหาร้านข้าวที่โรงอาหารหน้าหอในทันที ร้านข้าวทุกร้านปิดเกือบหมดแล้ว ผมถอนหายใจเฮือก นั่นสินะ ตอนนี้สามทุ่มแล้วนี่นา ขณะที่ถอนสายตาจากนาฬิกาเรือนโปรด หางตาผมก็เหลือบไปเห็นร้านข้าวร้านหนึ่งซึ่งเปิดอยู่ ขอบคุณสวรรค์! ปกติผมจะออกไปหาข้าวกินที่หลังมอหรือซื้อบะหมี่มาต้มกินที่หอโดยแบ่งกันกินกับรูมเมทผู้หิวโหยนามว่าวิน ทว่าวันนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะขี่รถออกไปหาข้าวกินที่หลังมอจริงๆ

今天专业课结束后,我直奔去学校食堂里吃饭,几乎所有的店都关门了,我叹了口气,没办法,现在都晚上九点了,我把目光从手表上移开,忽然,我眼角的余光看到还有一家店开着门,谢天谢地!通常我都会出去吃饭或是买面条回宿舍和那些饿死鬼投胎的舍友分着吃,但是今天我太累了,没有力气骑车出去吃饭了。

 

ผมเดินไปที่หน้าร้าน ล็อก F11 ซึ่งขายข้าวมันไก่ ไก่อบ หมูอบและข้าวหมูแดง

我走到一家店前,有卖鸡肉饭、烤鸡肉、烤猪肉和叉烧饭。

 

“วันนี้เลิกดึกเลยนะจ๊ะ เอาอะไรเอ่ย” ป้าคนขายชวนคุย

“今天下课这么晚啊,要吃点什么呀?”卖饭阿姨问我。

 

“ครับ...ผมเอาข้าวหมูอบ” ผมยิ้มให้ป้าเขา...จริงๆ แล้วผมก็เลิกเวลานี้ทุกวันนะครับป้า...

“请给我来一份猪排饭。”我对卖饭阿姨笑道,事实上,我每天都是这个时间点结束。

 

“ได้แล้วจ้า”

“好的。”

 

“ขอบคุณครับ” ผมจ่ายเงินแล้วก็รับจานข้าวมา เดินไปลวกช้อนแล้วตรงไปหาที่นั่งที่อยู่ติดระเบียงซึ่งมองเห็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ แม้จะมืดหากก็ระยิบระยับด้วยแสงไฟยามค่ำคืน ตรงนี้ลมเย็นดี...ผมชอบครับ แม้ว่าผมจะต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะนี้คนเดียวก็ตามเถอะ

“谢谢。”我付了钱之后,端着盘子,用热水烫过勺子,然后就找到一个挨着阳台的位子,可以看见外面大片的水库。

 

ต้องขอโทษไอ้วินรูมเมทด้วยจริงๆ ที่วันนี้มันจะเกาะผมกินอีกไม่ได้แล้ว

要和我的室友说声抱歉,今天不能和他们一起吃饭了。

 

ผมนั่งกินไปเรื่อยๆ พร้อมกับชมบรรยากาศยามค่ำคืนไป...ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ระบมน่ะแข้งขาปวดเมื่อยไปหมด ยิ่งเวลาต้องไปเรียนที่อาคารเรียนรวมแล้วมีตัวที่เรียนชั้นสี่

ผมนี่แทบคลานเข่า...คาดว่าอีกไม่นานก็คงชินครับ กับความร้าวระบมนี้

我正坐着吃饭,同时欣赏外面美好的夜景,并没有什么,只是觉得双腿酸痛,因为我的教室在综合楼四楼,差点没走断腿,安慰自己过不了多久就习惯了。

 

“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ” ...เสียงทุ้มดังขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมเงยหน้ามองเขา...ใส่แว่นแบบนี้

รอยยิ้มเหลือร้ายพร้อมกับลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้ายแบบนี้...เป็นเขา...

“我能和你坐在一起吗?”在我正在沉思的时候,低沉的声音响起,我抬头看他,还是带着这种眼镜。

熟悉的微笑和脸上的酒窝瞬间浮现出来…是他…

 

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

真的是他!

 

“ได้ไหมครับ” เขาถามย้ำอีกครั้ง พร้อมกับวางจานข้าวลงที่ฝั่งตรงข้ามผม แล้วนั่งลงโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากผม

“可以吗?”他再次问道,同时把盘子放在我的旁边,然后没等我的同意就坐下了。

 

“ครับ” ผมไม่รู้ว่าเขาจะมองหน้าผมไปอีกนานเท่าไร เลยได้แต่นั่งก้มหน้ามองข้าวในจาน แล้วก็รู้สึกว่าชักจะอิ่มขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“恩恩。”我不知道他看我多久了,我看着盘子里的饭,不知什么原因,我觉的更饱了。

 

แต่เพชร...นายไม่รู้สาเหตุจริงๆ หรือ? ผมได้แต่ถามตัวเองในใจ

但是,我真的不知道原因吗?我在心里问自己。

 

หากก็ชักเริ่มหน้าร้อนไม่ไหวแล้ว...สุดท้ายผมก็เลยบอกเขาแบบอ้อมแอ้มๆ ไปว่า ผมต้องรีบกลับไปทำการบ้านก่อน จากนั้นก็รีบถือจานข้าววิ่งออกมาทันทีเลย

没一会脸就开始热的不行了,最后我只好拐着弯对他说要赶紧回去写作业了,然后拿着盘子飞一样的离开了那里。

 

ผมรีบ...ถึงขนาดไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำไป

我跑的很快…甚至都没有看他的脸。

 

“คุณครับ...เดี๋ยวครับ” ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าหอไปเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาได้เรียกผมไหม ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป

“哎,你等一下。”就在我走进房间的时候,一个声音突然响起,我心想:他叫我干什么?我没有停下脚步,继续向前走去。

 

“คุณ...เดี๋ยวก่อน คุณลืมป้ายชื่อไว้หรือเปล่าครับ” เสียงนั้นหายใจปนหอบ ดูท่าทางแล้วคงรีบวิ่งตามใครออกมา

“你先等一下,你忘记拿自己的身份牌了。”那个声音再次说道,而且还追了过来。

 

“...” ผมหยุดเดินแล้วก้มลงมองที่อกเสื้อ ก่อนจะนึกได้ว่าตอนไปซ้อมบูมผมไม่ได้คล้องป้ายไปนี่นา งั้นคนที่เขาเรียกคงไม่ใช่ผมหรอก แอบรู้สึกผิดหวังเล็กๆ แต่ก็เท่านั้นแหละ...

“…”我停了下来,然后低头看着自己的衣襟,忽然间想到去排练的时候我没有带着身份牌,那他肯定不是在叫我,心里觉得有一点小失望,但也只有一点。

 

“คุณเพชราภา” ผมรีบหันขวับ!

“Petcharapa。”我立刻转身。

 

“ผมไม่ได้ชื่อเพชราภา!!” อา...ปากไวไปแล้วเรา

“我不叫Petcharapa”啊…我嘴怎么回答的这么快。

 

เขาวิ่งมาดักหน้าผมไว้ แล้วยื่นของที่อยู่ในมือของเขาให้ผมที่ขณะนี้กำลังยืนงงว่าเขาเล่นอะไรของเขา

他跑到我面前,然后递出他手里的东西给正在一脸懵逼的我。

 

เขาวิ่งมาดักหน้าผมไว้ แล้วยื่นของที่อยู่ในมือของเขาให้ผมที่ขณะนี้กำลังยืนงงว่าเขาเล่นอะไรของเขา

“你忘了。”他说,我才想起来要看他手里的东西,是一个医学院一个新生的身份牌。

 

“ไม่ใช่ของผมครับ ผมไม่ได้พกป้ายไป อีกอย่างผมไม่ได้เรียนแพทย์ด้วย”

“这不是我的,我没有带着身份牌,还有,我并不是医学专业的。”

 

“อ้าวเหรอครับ...งั้นผมฝากไปคืนเจ้าของเขาที” อีกฝ่ายยัดป้ายใส่มือผมเป็นการมัดมือชก 

“哦,是吗?那就麻烦你把他还给它真正的主人吧。”然后就把它噻到了我手中。

 

“เอ่อ...คือผม” ทำไมคุณไม่เอาไปคืนเขาเอง...

“额,我?”为什么不是你你拿去还给人家。

 

“นะครับ” น้ำเสียงที่ใช้บอกกับผม เหมือนเขาจะอ้อนยังไงไม่รู้ หรือผมคงรู้สึกไปเอง

“好不好呀”他和我说话的语气就像是在央求我,还是说这是我的错觉?

 

“เฮ้อ แล้วผมจะหาเขาเจอได้ยังไงกัน”

“那我怎么找他呢?”

 

“ต้องเจอแน่ๆ” เขาบอกแค่นั้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจิดจ้ามาให้ผม

“肯定会见到他的”他说道,同时冲我微微一笑。

 

“แล้วเจอกันนะครับ” ทั้งๆ ที่คำพูดก็ออกจะธรรมดาเช่นตอนที่ไอ้วินพูดกับผมก่อนมันจะกลับบ้านทุกวันอาทิตย์ แต่ทำไมผมถึงต้องแอบลอบยิ้มกับตัวเองด้วยนะ แถมยังใจสั่นไหวแปลกๆ อีกต่างหาก...ไม่ค่อยเข้าใจเลย

“恩恩,再见。”最自然不过的对话,就像win每周末回家之前跟我告别一样,但为什么我觉得有点窃喜呢,心里有股奇异的悸动,独自留在原地蒙圈。

 

“อืม...” โบกมือลาเขาแล้วกลับมามองป้ายชื่อในมือ ‘ N’เอส ’ พอพลิกดูข้างหลังป้ายคล้องคออันนั้นกลับมีข้อความเล็กๆ เขียนว่า 08x-xxx-xxxx คืนเจ้าของรบกวนโทรฯ กลับที่เบอร์นี้นะครับ : )

“恩。”和他挥手再见后,我看着手里的身份牌,姓名Ace,翻看身份牌背面,上面写着一串数字,是身份牌主人的号码。

 

อา...แบบนี้ผมควรโทรฯ ไปหาเจ้าของป้ายนี้ดีหรือเปล่า...?

啊…这样的话,打这个电话不就可以找到身份牌的主人啦。


1

END

1



原作者 | ♥MM...★

翻译 | 香芋

校对 | 左夏

排版 | 木叶(实习)


发表
26906人 签到看排名